06 มีนาคม 2555

Miss Piggy

ดาราควรอ่าน เหตุใดเธอยิ่งแก่ยิ่งดัง...Miss Piggy




                          เหตุใดเธอยิ่งแก่ยิ่งดัง...ผ่านการศัลยกรรมนับครั้งไม่ถ้วน
ยิ่งเสริมยิ่งสวย ยิ่งแก่ยิ่งดัง  เรื่องรวยไม่ต้องพูดถึง
มาดูซิว่าเธอเป็นใครมีความเป็นมายังไง  พัฒนาการในแต่ละปีของเธอ


เรื่องราวของ Miss Piggy หมูขี้เหร่ที่เข้าวงการันเทิงเป็นครั้งแรกโดยการแสดงโชว์
ในราายการ "มัฟเพท โชว์" ในปี 1974

The Muppet show season 1 ระหว่างปี1976-1977  
ตาของเธอแทนที่ด้วยตาสีฟ้าขนาดใหญ่ที่มีขนตาและเปลือกตา 

The Muppet show season  2 ระหว่างปี1977-1978   
หัวเธอมีรูปร่างใหม่ที่มีหน้าผากสั้นมาก
ตาของเธอจะเปลี่ยนไปด้วย และมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับหัวใหม่ขนาดเล็กของเธอ
ในช่วงครึ่งหลังของสองฤดูการเปลี่ยนแปลงลิ้นของเธอจากแดงเป็นสีชมพู

 The Muppet show season  3   ระหว่างปี1978-1979
นางสาวพิกกี้หัวของได้รับการศัลยกรรมใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
ที่มีจงอยของเธอในมุมที่งอลง ตาของเธอใหญ่กว่า
และผมของเธอรับการปรับปรุงให้มากขึ้น  การแต่งกายของเธอดูดีมีมาตรฐาน

 The Muppet movie ปี  1979  
 ตาของเธอเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่งได้รับขนตาฟูลเลอร์ 
จมูกของเธอจะคล้ำเล็กน้อย
และผิวของเธอมีสีสันมากขึ้นสีชมพู หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เธอแสดง

The Muppet show season  4 ระหว่างปี1979-1980   
หัวมิสพิกกี้มีปากขนาดใหญ่
รูปทรงของตาของเธอนั้นแตกต่างจากใน Muppet Movie,
มีรูปลักษณ์ที่ใช้ได้ ผมของเธอคือฟูลเลอร์

The Muppet show season  4/5  ระหว่างปี 1980-1981  
พิกกี้มีรูปร่างที่แตกต่างกันหัวตาของเธอจะปรับตำแหน่ง
และเธอมีสีผิวจางลง ทรงผมแบบที่แตกต่างกัน
เครื่องแต่งกายทั่วไปผ่านสองฤดูกาลสุดท้ายของการแสดง ผมของเธอยาวที่สุด
The Great Puppet Caper  ปี1981 
รูปร่างหัวของพิกกี้ได้รับการปรับปรุงเล็กน้อย 
และผมของเธอสีบลอนด์เข้ม
 ตลอดเรื่องนี้มีการแต่งกายต่างกันออกไป

The Muppet take Manhattan ปี 1984   
มีรูปร่างใหญ่ขึ้นและ
เปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเธอตาเล็กน้อย

The Muppet family Christmas ปี 1987  
เธอยังคงมีผมดัดเหมือน 3ปีที่แล้ว

National Wildife Federation PSA ปี 1989  
เธอทำผมสั้นตรงเป็นางครั้งแต่ก็มีผมดัดบ้าง
 แสดงให้เห็นว่าเธอถูกทำเพื่อส่งเสริมการขาย

The Disney Christmas Special ปี 1989   
ลักษณะแตกต่างอย่างมาก หัวที่เล็กลง
ตาของเธอถูกวางไว้อย่างผิดปกติ   ลักษณะที่ปรากฏบนพิกกี้คริสมาสต์พิเศษนี้
ออกอากาศในสหราชอาณาจักร 

Various appearances until the mid1990s ปี 1996 
รูปร่างหัวของพิกกี้กลับไปเป็นแบบที่คุ้นเคยมากขึ้น 
      ผมของเธอจะแตกต่างกัน แต่อยู่ในความยาวตรงส่วนใหญ่ตลอดช่วงต้นถึงกลางเดือน 1990


Muppet tonight  ปี1997  
ผมเธอสั้นและแม้ว่าจะดัดหยักมากกว่า
ขดแน่นตลอดการทำงานของการแสดง ตาของเธอได้รับการปรับอีกครั้งเพื่อมุ่งเน้นออกไปเล็กน้อย

Muppet from space  1999  
ผมพิกกี้ก็ยังไม่ถึงกับสั้น แต่ตรงอีกครั้ง

It's a Very Muppet Christmas Movie 2002  
 เธอมีดวงตาขนาดใหญ่เห็นได้ชัด  
 พิกกี้ยังรวบผมขึ้นด้วย แต่ไม่ได้เห็นในภาพนี้
The Muppet Wizard of Oz  ปี2005  
เธอทำทรงผมสั้น 
อกจากนี้ในภาพยนตร์ที่เธอแสดง
เธอได้ไว้ผมหลายทรง
ทั้งยาวหยิกสีดำผมขาวผมสีน้ำตาล
The Muppet Wizard of Oz  2005  เธอทำผมสีน้ำตาล
America's Funniest Home Video  2005 
ผมของนางสาวพิกกี้คือกลับไปเป็นยาวและสีบลอนด์

 The Late late Show with  Craig Ferguson  2007   
พิกกี้กลับไปที่ผมหยิก หน้าผากสั้น
Studio DC: Almost life  2008 
ผมสีดำและร่วมงานกับ วง Jonas Brothers วงบอยแบนจาก New Jersey 
Muppet Christmas Letter to  Santa  2008 
นางสาวพิกกี้กลมขึ้นหัวอ้วนขึ้น ผมของเธอเปลี่ยนเป็นสีบลอนด์ยาวเรียบ
Disney Xtrema Digital 2008-2010 
นางสาวพิกกี้ของหัวกลมยังคงอยู่และอ้วนขึ้น
 แต่ผมของเธอสั้นและรูปลักษณ์เป็นชั้น นอกจากนี้ยังเกล้าขึ้น
The Muppet ปี 2011  
หัวของนางสาวพิกกี้ดูเหมือนว่า จะได้รับการศัลกรรมย์สำหรับภาพยนตร์เรื่องใหม่, 
วิกผมสีบลอนด์ประกายเรียบในหลายโปรโมชั่นและภาพการผลิต
Disney's Honorary VoluntEars Cavalcade 
รูปร่างเธอมีขนาดใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย 
วิกผมและหนาขนตาแข็งแรงถูกสร้างขึ้นสำหรับ 
Disney 's กิตติมศักดิ์ VoluntEars ขบวนแห่ขบวนคนขี่ม้าที่วิ่งในต้นปี 2010 โดยเฉพาะ
 เป็นไงกันมั่งหละ่  น่าทึ่งมากเลยสำหรับประวัติการทำงานอันยาวเหยียด
ถึงเธอจะไม่หุ่นเซ็กซี่อย่าง แองโจลีน่า โจลี่ แต่เธอได้ถ่ายปกนิตรสารแมนอย่าง เพลย์บอย
ลองมาดูความเซ็กซี่ของเธอว่าดูดีขนาดไหน
ผู้เขียนว่าเธอดูดีกว่าต้นฉบับบางคนซะอีก

05 กุมภาพันธ์ 2555

คำคมดีๆ จาก"น้าเน็ก"เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา

ข้อคิดคำคมดีๆ จากทวิตเตอร์ของผู้ชายหน้าหนวด พิธีกรชื่อดัง "น้าเน็ก"เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา

- ที่ผ่านมาทั้งชีวิตผมก็แค่ทำในสิ่งที่ผมรัก แต่ทุกๆคนทำให้มันกลายเป็นสิ่งมีค่า...ขอบคุณทุกกำลังใจครับ^^9:56 PM - 27 Jan 12 -

"อย่างไรก็ตามความรักก็เป็นสิ่งมีค่าต่อมนุษย์ทุกผู้นาม ไม่ว่าจะครอบครองมันในแบบสุขสมหวัง หรือแม้กระทั้งในรูปแบบของความโศกเศร้าผิดหวัง"7:32 PM - 26 Jan 12

- "ไม่มีใครอยากอยู่อย่างโดดเดี่ยว ในขณะที่ก็ไม่ได้อยากสุงสิงกับคนแปลกหน้า และจะสบายใจมากถ้าได้อยู่ท่ามกลางผู้คน...บนความเป็นส่วนตัว" 11:01 AM - 19 Jan 12

- "อย่าใช้คนอื่นยืนยันการมีตัวตนของเรา ว่างก็โทรหาคนอื่น กินอะไรต้องถามคนอื่น สวมใส่อะไรถามคนอื่น ไปเที่ยวไหนถามคนอื่น ดีใจ-เสียใจเพราะคนอื่น" 10:42 AM - 19 Jan 12

- "คุณค่าของสิ่งที่เรียกว่าความสำเร็จอยู่ที่หนทางไปสู่มัน มิใช่การครอบครองเป็นเจ้าของมัน" 1:50 AM - 19 Jan 12


- "หากหัวใจยังเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของคนหนุ่มสาว อายุที่มากก็ไม่ได้แปลว่าแก่" 1:45 AM - 19 Jan 12

- "เอาเข้าจริงแล้วสมบัติชิ้นเดียวของทุกคนคืออดีต เพราะปัจจุบันกำลังจากไปทุกวินาที และอนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่มีทางรู้เลยว่ามันมีเหลือเท่าไหร่" 1:41 AM - 19 Jan 12

- "อย่านึกว่าทุกยิ้มที่เห็นนั้นหมายถึงความสุข เพราะมันอาจกำลังทำหน้าที่ปกปิดความเศร้าที่อยู่ในใจ"4:34 PM - 13 Jan 12
- ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะค้นหา "ความเป็นตัวของตัวเอง" และที่ยากกว่าก็คือการดูแลปกป้องมัน แต่เชื่อเถอะมันคุ้มค่ามากพอที่จะทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อมัน12:53 AM - 11 Jan 12

- การได้พบ "ใครบางคน" ไม่ใช่แค่จุดเริ่มต้นวัน-เวลาที่แสนมีความสุข หากแต่ยังเป็นการย้าเตือนให้รู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาของเรานั้นขาดหายอะไรไป...1:21 AM - 10 Jan 12

- ในโลกมีคนอยู่สองประเภท ประเภทแรกเห็นแสงแดดแล้วกลัวดำ กับประเภทหลังที่เห็นแสงแดดแล้วสุขใจว่าธรรมชาติยังคงรูปรอยของมัน4:38 PM - 28 Dec 11
- ภาษาวิบัติในโซเชี่ยลฯไม่ใช่เรื่องต้องตำหนิ,กล่าวโทษใคร ทำได้เพียงไว้อาลัยที่ความสวยงามของมันโดนฆ่าตายโดยฆาตกรที่ใช้ข้ออ้างว่า~"ศัพท์วัยรุ่น"8:37 PM - 5 Dec 11
- ถ้าพ่อไม่ได้ใช้เฟสบุ๊ค,บีบี ก็อย่ามาขึ้นสเตตัสบอกรักพ่อเลยครับ บอกท่านด้วยตัวเองคนเดียว น่าประทับใจกว่าเที่ยวประกาศในโชเชี่ยลเน็ตเวิร์ค3:56 AM - 5 Dec 11- จะมัวแต่มองไปยังคนอื่นเพื่อที่จะอยากเป็นอย่างเขาทำไมเล่า ในเมื่อเรามีสิ่งที่ควรเป็นนั่นคือตัวเราซึ่งเป็นแบบฉบับเฉพาะบุคคลที่น่าภาคภูมิใจยิ่ง4:26 PM - 29 Nov 11

- "แม้กล่องของขวัญจะสวยขนาดไหน แต่สุดท้ายก็ถูกฉีกเพราะคุณค่าอยู่ที่ของข้างใน...คนเราก็เช่นกัน ความสำคัญนั้นอยู่ภายในจิตใจ...หาใช่หน้าตา" 4:12 PM - 29 Nov 11
- ถ้าปรารถนาจะมีชีวิตที่มีความสุข เงินเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งหาใช่จุดหมาย...อย่าใช้ทั้งชีวิตเพื่อก้มหน้าก้มตาหาแต่มัน9:51 AM - 29 Nov 11

- หากมองสิ่งรอบข้างด้วยความเข้าใจ และปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์ ตลอดชีวิตเราจะไม่มีวันเจอสิ่งที่เรียกว่า "ปัญหา"1:14 AM - 20 Nov 11

- อย่าเสียใจกับการจากไปของอะไรบางสิ่ง เพราะเอาเข้าจริงมันไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่ไหนแต่ไร11:23 AM - 23 Oct 11

- สำหรับบางคน...ในบางครั้งเราก็ดูแสนดี แต่บางทีก็ดูเลวซะเต็มประดา แล้วควรทำอย่างไร?....คำตอบคือ "ก็แค่เป็นอย่างที่เราเป็น"1:12 AM - 24 Sep 11
- ถ้าเปรียบครอบครัวเหมือนการล่องแพ"ขาดพ่อเหมือนถ่อหัก ขาดแม่เหมือนแพแตก"ไม่มีพ่อก็ไม่รู้ครอบครัวจะไปทิศทางไหน ไม่มีแม่ก็มิอาจเรียกว่าครอบครัว7:55 PM - 8 Aug 11

- ไม่ว่าจะทำอะไรเอาให้สุดๆ เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่เวลาได้บอกใครว่า "ฉันเก่งในสิ่งที่ฉันเป็น" แม้หน้าที่นั้นจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม9:54 AM - 4 Aug 11

- พ่อเคยสอนว่า...บางครั้ง"โอกาส"ก็เหมือนน้ำที่สาดมาจากทุกทิศทาง อยู่ที่ว่าเราเตรียมถังน้ำที่ชื่อว่า"การเตรียมพร้อม"เอาไว้กักตุนมากพอหรือเปล่า 1:54 PM - 3 Aug 11

- คนรวยคือคนที่มีทุกอย่างเหมือนเราแค่ราคาแพงกว่า แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าจะมีความสุขมากกว่า ถ้าอยากแสวงหาความสุข...ความรวยไม่ใช่คำตอบ!9:44 AM - 19 Jul 11

- สิ่งเดียวที่จะตัดสินว่าชีวิตที่เรามีนั้นดีหรือเลวก็คือ "ทัศนคติ"...ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้!9:40 AM - 19 Jul 11

- เราจะรู้สึกอุ่นสบายต่อเมื่อได้ห่มผ้าผืนหนาในอากาศหนาวเหน็บ...นั่นแสดงให้เห็นว่าประโยชน์ของความทุกข์นั้นมีไว้เพื่อให้รู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน1:47 AM - 10 Jul 11

- สำหรับผม ชีวิตที่สนุกคือชีวิตที่ยุ่ง...อย่างมีระเบียบ1:44 AM - 10 Jul 11

- ทุกครั้งที่ประสบปัญหา เราใช้เกือบทั้งหมดของสมองไปกับการตื่นตระหนกและวิตกกังวล โดยแทบไม่เหลือเนื้อที่สำหรับคิดแก้ปัญหาเลย ฉะนั้น จงมีสติเสมอ!1:20 AM - 7 Jul 11

- ยามเมื่อยู่ใต้แสงเทียนเราจะรู้สึกโรแมนติคและเป็นสุข ถึงแม้ว่าแสงสว่างนั้นจะเกิดจากการยอมเผาไหม้ตัวเองเพื่อคนรอบข้าง..การเสียสละนั้นดีงามเสมอ9:54 AM - 23 Jun 11

- โดยพื้นฐานแล้วเราทุกคนมีชีวิตที่ดีในแบบของเราอยู่แล้ว ประเด็นอยู่ที่ว่าตัวเรานั้นเห็นดีเห็นงามกับชีวิตของเรารึเปล่า นั่นล่ะที่เรียกว่า "สุข"1:25 AM - 23 Jun 11

29 มกราคม 2555

50 คำคมความรัก

50 คำคมความรัก


สำหรับคำคมความรักของเราในวันนี้มีทั้งสุข เศร้า เหงา ผสมปนเป กันไป ชอบอันไหนอย่าลืมคอมเม้นต์บอกด้วยนะ ^^
1. ตัดกระดาษต้องใช้กรรไกร...แต่ตัดใจต้องใช้เวลา
2. จบแบบเจ็บ ๆ "ดีกว่า" เจ็บแบบไม่มีวันจบ...
3. ถ้าชอบก็กด "Like" ถ้าใช่ก็กด"Love"
4. ผู้ชายไม่ได้ต้องการนางฟ้า แต่ ต้องการ คนที่มีเวลาให้กัน ... ผู้หญิงไม่ได้ต้องการเทพบุตร แต่ ต้องการ คนที่หยุดสักที
5. รัก เป็นกริยา แต่อกหัก มันเป็น กรรม
6. เนื้อคู่ก็เหมือน IPhone 5 ถึงจะมาช้า แต่ก็จะรอ
7. ความเงียบ มันมักจะ จับมือกับ ความเหงา มาเล่นงานเรา ในเวลา ไม่มีใคร
8. ยอมเป็นแค่คนดีที่ไม่มีใคร ดีกว่าเป็นคนหลายใจที่ไม่มีอะไรดี
9. คุณสมบัติหนึ่งของน้ำตา เปลี่ยนสีชมพูให้เป็นสีเทา
10. บ่อยครั้ง... การหลอกตัวเองก็ทําให้เรามีความสุขมากกว่าได้รู้ความจริง
11. เหตุผลที่ต้องฆ่าเวลา เพราะเวลาทำให้เธอ เปลี่ยนไป
12. เบื่อจิงกับคำว่ารัก ... เบื่อนักกับคำว่าผิดหวัง ... เบื่อใจตัวเองที่โง่อยู่ลำพัง ... เบื่อใจเธอนั้นที่มาหลอกลวง
13. ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว พบเจอหมดแล้ว แต่ทำไมยังไม่เจอ ฤดูรักซักทีนะ
14. อยากให้เธอเป็นตีนข้างซ้าย และฉันจะเป็นตีนข้างขวา แล้วเราจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน
15. ความรักคือการเดินทางไกล กว่าจะถึงหัวใจ มันต้องใช้เวลา
16. ฝืนใช้คำว่าเรา ทั้งๆที่ในกระจกเงาสะท้อนคำว่าลา
17. ถ้าคุณยังไม่พร้อมที่จะหยุดที่ใคร ... ก็อย่าหวังไปไกลว่าใครจะมาหยุดที่คุณ
18. ถึงจะเป็นคนคุ้นเคย ถ้าเอาแต่ละเลย ก็อาจกลายเป็นแค่คนเคยคุ้นกัน
19. สิ่งที่คนมีแฟนควรเรียนรู้ คือ คนไม่มีคู่เขาอยู่ได้อย่างไรในวันเดียวดาย
20. ถึงบางครั้งอาจจะพูดแรงไป... แต่ก็แรงไม่ยอมเปลี่ยนปลั๊ก รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง..
21. ก่อนจะพิมพ์คำว่า "เรา" อย่าลืมเปลี่ยนภาษาล่ะ ไม่อยากกลายเป็น "gik"
22. อยากบอกเธอว่า.. ปากกา พัดลม ปืน (PEN FAN GUN)..นะ
23. ผู้ชายก็มักกังวลกับสิ่งที่ผู้หญิงจำได้... ผู้หญิงมักใส่ใจกับสิ่งที่ผู้ชายลืม
24. ถ้าในวันๆนึงเราได้จับมือคนที่เรารัก นานเท่าจับเม้าท์ก้อคงจะดีนะ
25. คนที่พูดว่าไม่รู้..มักจะรู้...และคนที่พูดว่า ไม่เป็นไร...มักจะเป็น...แต่ถ้าใครพูดว่า ไม่รัก..มักจะจริง
26. อย่าทำตัวเป็นแฟนแค่ในนามและความคิด ... โปรดลงมือกระทำด้วย
27. ฉันดูแลตัวเองได้ เป็นคำบอกเลิก...ที่อยู่ในประโยคบอกเล่า ..
28. จำไว้.. "ห่างกันซักพัก"..เป็นคำสุภาพที่สุดของคำว่า "เลิกกันเถอะ"
29. บังคับตัวเองให้เลิกเหงา ยังดีกว่าบังคับเขาให้กลับมา
30. ลบฉันออกจากเพื่อนไม่เป็นไร แต่อย่าบล็อกได้ไหม เพราะฉันยังอยากรู้ความเคลื่อนไหวของเธอ
31. เราเป็น คนหลายใจ.. เพราะ ให้เธอได้ทั้ง จริงใจ, เข้าใจ, ใส่ใจ ... แต่ว่าเรา ดันลืมไปอย่างนึง ... เราลืมเผื่อใจ!
32. ความเปล่าเปลี่ยวเป็นความยากไร้ที่ทรมานที่สุด
33. ความรักไม่ได้วัดโดยความรู้สึกของคุณ แต่วัดจากการที่คุณทำให้เขารู้สึกอย่างไร
34. คุณอาจเป็นเพียงคนหนึ่งบนโลกใบนี้ แต่คุณอาจเป็นโลกทั้งใบของใครคนหนึ่งก็ได้
35. มิตรภาพมักจบลงด้วยความรัก แต่ความรักไม่มีวันจบลงด้วยมิตรภาพ
36. ความรัก"ที่ยิ่งใหญ่" คือ "ไม่เสียใจ" แม้..ไม่ได้อะไร "กลับมา"
37. ความรักคือความ เข้าใจของคน2คน ไม่ใช่ความอดทนของคนๆเดียว
38. หากไม่รักตัวเอง คุณจะไม่มีทางรู้จักคำว่ารัก
39. รักกันมาเป็นปี จะจบทั้งทีแค่วินาทีเดียว
40. ความหึงหวงเป็นผลพวงจากความรัก
41. คนที่ฉลาดที่สุดมักจะบอกว่าไม่รู้เรื่องความรัก ส่วนคนที่โง่ที่สุดมักจะพร่ำเพ้อว่าตัวเองรู้เรื่องความรักดี
42. รักใครหลายคน ไม่ใช่เหตุผลของคนหลายใจ
43. รักแท้ มีแม่คนเดียว
44. กุหลาบไม่มีหนาม มะขามไม่มีข้อ ผู้ชายไม่ใช่พ่อ จะไปง้อมันทำไม
45. ผู้หญิงถึงจะพูดความจริงสักแค่ไหน แต่ก็โกหกหน้าตายเป็นเหมือนกัน
46. อย่าใช้อดีตสร้างอนาคต แต่จงใช้อนาคตลบอดีต
47. เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย
48. ผู้ชายก็เหมือนรองเท้า เมื่อใส่แล้วกัด ก็สลัดมันทิ้ง
49. อย่าเสียใจที่เขา ” ทิ้งเราไป ” แต่จงดีใจที่เราได้ ” หัวใจ ” เรากลับคืนมา
50. ความเชื่อใจเหมือน ยางลบ ผิดบ่อยๆ ยางลบก็ก้อนเล็กลง
ปล. คมคำทั้งหมดทีมงานไม่ได้แต่งขึ้นเองแต่อย่างใด

25 มกราคม 2555

Harley-Davidson Topper


Harley-Davidson Topper


The Topper was the only motor scooter that the Harley-Davidson Motor Company ever produced.
The Topper had a continuously variable transmission, like most modern scooters. The engine was a 165 cc (10.1 cu in) single-cylinder two-stroke engine requiring a premixed gasoline/oil mixture. The starter was of the rope-recoil type similar to lawnmowers or the Lambretta E model. Unlike most scooters with enclosed engines, the Topper’s engine did not have a cooling fan.
The front body, front fender and floorboards of the Topper were made of stamped steel, and the engine cover and body were made of chopper gun-sprayed fiberglass.











Vespa Scooters


Piaggio sold some 2,500 Vespas in 1947, over 10,000 in 1948, 20,000 in 1949, and over 60,000 in 1950.
The biggest sales promo ever was Hollywood. In 1952, Audrey Hepburn side-saddledGregory Peck‘s Vespa in the feature film Roman Holiday for a ride through Rome, resulting in over 100,000 sales. In 1956, John Wayne dismounted his horse in favor of the two-wheeler to originally get between takes on sets. By the end of the fifties, Lucia Bosé and her husband, the matador Luis Miguel Dominguín, as well as Marlon Brando, Dean Martin, and the entertainer Abbe Lane had become Vespa owners. William Wylerfilmed Ben Hur in Rome in 1959, allowing Charlton Heston to abandon horse and chariot between takes to take a spin on the Vespa.
117052_vesp
Vespa clubs popped up throughout Europe, and by 1952, worldwide Vespa Club membership had surpassed 50,000. By the mid-1950s, Vespas were being manufactured under licence in Germany, the United Kingdom, France, Belgium and Spain; in the 1960s, production was started in India, Brazil and Indonesia. By 1956, 117052_vesp2one million had been sold, then two million by 1960. By the 1960s, the Vespa—originally conceived as a utility vehicle—had come to symbolize freedom and imagination, and resulted in further sales boosts: four million by 1970, and ten million by the late 1980s.
Improvements were made to the original design and new models were introduced. The 1948 Vespa 125 had rear suspension and a bigger engine. The headlamp was moved up to the handlebars in 1953, and had more engine power and a restyled rear fairing. A cheaper spartan version was also available. One of the best-loved models was the Vespa 150 GS introduced in 1955 with a 150 cc engine, a long saddle, and the faired handlebar-headlamp unit. Then came the 50 cc of 1963, and in 1968 Vespa 125 Primavera became one of the most durable of all.
Vespas came in two sizes, referred to as "largeframe" and "smallframe". The smallframe scooters came in 50 cc, 90 cc, 100 cc, and 125 cc versions, all using an engine derived from the 50 cc model of 1963, and the largeframe scooters in 125 cc, 150 cc, 160 cc, 180 cc, and 200 cc displacements using engines derived from the redesigned 125 cc engine from the late 1950s.
The largeframe Vespa evolved into the PX range in the late 1970s and was produced in 125, 150 and 200 cc versions until July 2007. The smallframe evolved into the PK range in the early 1980s, although some vintage-styled smallframes were produced for the Japanese market as late as the mid 1990s.

http://retrorambling.wordpress.com/2012/01/06/vespa-scooters/