05 ธันวาคม 2554

ม่านประเพณี ( 2506 ) - The Love Eterne (1963)

ม่านประเพณี ( 2506 ) 
The Love Eterne (1963)


นิยายเรื่องม่านประเพณี The Love Eterne หรือบางเวอร์ชันใช้คำว่า Butterfly Lovers ถูกสร้างขึ้นมาหลายรุ่น หลายสมัย มีตั้งแต่งิ้ว ละครเวที การแสดงอุปรากรต่างๆ รวมทั้งสร้างเป็นภาพยนตร์อีกหลายๆ ครั้ง ในที่นี้ผมจะกล่าวถึงเวอร์ชันที่สร้างโดย ชอว์ บราเดอร์ ร่วมกับผู้กำกับหลี่ฮั่นเสียง (ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงมากๆ มีชีวิตอยู่ในช่วง พ.ศ.2469-2539) นำแสดงโดย เล่อตี้ หลินปอ ถือเป็นหนังทำเงินในเอเซียมากที่สุดในยุคนั้นเลยทีเดียว โดยเฉพาะที่ไต้หวันฉาย 186 วัน ทะลุ 8 ล้านเหรียญ มีผู้ชมมากกว่า 700,000 คน เรียกได้ว่าคนในไต้หวันกว่าร้อยละ 90 ได้ชมหนังเรื่องนี้ กล่าวกันว่า มีคุณป้าท่านหนึ่งชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้มากๆ ถึงขนาดที่ว่า ดูหนังเรื่องนี้ซ้ำๆ กันกว่า 120 รอบ (สมัยนั้นยังไม่มี DVD/VCD หรือเครื่องเล่นวิดีโอ)





ม่านประเพณีเวอร์ชันนี้ถือเป็นภาพยนตร์ที่ดำเนินเรื่องด้วยเพลงเป็นส่วนใหญ่ โดยใช้เพลงประเภทหวางเหม่ยเตี้ยว (ชาติตะวันตกมักเรียกกันว่า Yellow Plum Opera) ถือเป็นแนวเพลงที่มีอิทธพลมาจากงิ้วในมณฑลอันฮุย ประเทศจีน คำว่า หวางเหม่ยเตี้ยว หมายถึง การขับร้องประเภทหนึ่งที่อาศัยความคล้องจองของถ้อยคำต่างๆ โดยใช้ภาษาจีนกลางมาเรียงร้อยกันเป็นเพลง ซึ่งน้ำเสียงของนักร้องมักไม่ใช้เสียงสูงมากถึงระดับงิ้วที่พวกเราเคยได้ยินกัน ซึ่งหากเทียบเคียงกับบ้านเราแล้วก็น่าจะเทียบได้กับลำตัดหรือเพลงอีแซวประมาณนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เพลงแนวหวางเหม่ยเตี้ยวมักใช้แต่ภาษาจีนกลางเพื่อเล่นคำเป็นหลัก เนื่องจากคนจีนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) กันทั่วโลกอยู่แล้ว ทั้งนี้เพลงหวางเหม่ยเตี้ยวใช้เครื่องดนตรีจีนพื้นเมืองร่วมกับเครื่องดนตรีสากลบรรเลงโดยที่เน้นที่เครื่องสายเป็นหลัก ตัวอย่างภาพยนตร์ที่ใช้เพลงหวางเหม่ยเตี้ยว ได้แก่ จอมใจจักรพรรดิ์ หวังเจาจิน ฯลฯ

 
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลมากมายจากหลายสถาบัน อีกทั้งเพลงประกอบเรื่องม่านประเพณีเวอร์ชันนี้ มีผู้นำไปร้องกันมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ "เติ้ง ลี่ จวิน" ขณะนั้นเธอมีอายุเพียง 10 ขวบ ได้นำเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ไปประกวดขับร้องนักร้องยุวชนที่ไต้หวัน และได้รับรางวัลขนะเลิศที่นั่น ************
เรื่องย่อ
ประเทศจีนในสมัยโบราณ เด็กผู้หญิงมักจะถูกฝึกการบัานการเรือนอยู่เพียงภายในบ้านหรือในหมู่บ้านเท่านั้น ไม่ยอมให้เรียนหนังสือเฉกเช่นเดียวกับเด็กผู้ชายสักเท่าไร ดังนั้น จุ๊หยิงไถ สาวน้อยที่มีฐานะทางบ้านพอสมควร จึงปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายเพื่อไปเรียนหนังสือที่หางโจว และได้พบกับหนุ่มน้อยนามว่า เหลียงซานป๋อ ต่างก็ถูกชะตากัน สนิทสนมกันอย่างมาก โดยทางซานป๋อไม่ทราบเลยว่าหยิงไถคือผู้หญิงปลอมตัวมา จนวันหนึ่งหยิงไถได้รับจดหมายให้กลับบ้านด่วน และก่อนที่จะจากกัน ซานป๋อได้เดินไปส่งเธอและร่ำลากันถึง 18 ครั้ง หยิงไถจึงได้มอบหยกรูปผีเสื้อให้กับซานป๋อไว้ เพื่อให้นำไปสู่ขอน้องสาวของเธอกับทางบ้าน ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือตัวเธอนั่นเอง เมื่อซานป๋อทราบว่าเธอเป็นหญิง จึงรีบเดินทางไปหาหยิงไถ ระหว่างทางได้ร้องเพลงไปบ่นไปว่า "ตัวเราทำไมไม่เฉลียวใจเลยนะ ว่า หยิงไถ เป็นผู้หญิง" (เพลงเด่นของเรื่อง) พอถึงบ้านของสาวเจ้าแล้ว เรื่องราวก็กลับพลิกผัน เมื่อทางบ้านของเธอยกหยิงไถให้กับลูกชายของเจ้าเมืองซึ่งมีฐานะทัดเทียมกันไปเสียแล้ว เมื่อซานป๋อเดินทางมาที่บ้านของหยิงไถและทราบเรื่องราวทั้งหมด จึงโศกเศร้าและได้ตรอมใจตายไปในที่สุด และเมื่อหยิงไถรู้เรื่องในวันที่ส่งตัวเจ้าสาว จึงแวะไปคำนับหลุมฝังศพของซานป๋อ ร้องห่มร้องไห้ ระหว่างนั้นก็เกิดแผ่นดินไหว ทำให้หลุมฝังศพซานป๋อแยกออกจากกัน หยิงไถเองจึงตัดสินกระโดดลงไปในหลุมเพื่อฆ่าตัวตายตามคนรัก หลุมศพจึงปิดลงทำให้ทั้งสองได้ตายเคียงข้างกัน จากนั้นวิญญานของทั้งคู่ก็กลายเป็นผีเสื้อโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าไปในที่สุด


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น